ตรอกราชบุตร ถนนราชวงศ์ สู่จังหวะใหม่พื้นที่สร้างสรรค์เมืองพะเยา
1. 'ถนน ตรอก ซอกซอย' กับพลัง 'ซอฟต์พาวเวอร์'
ในยุคปัจจุบันที่โลกเชื่อมต่อกันอย่างไร้พรมแดน ถนน ตรอก ซอกซอยเล็ก ๆ ในเมืองต่าง ๆ กลายเป็นมากกว่าเส้นทางคมนาคม แต่ได้กลายเป็น "ซอฟต์พาวเวอร์" ที่ทรงพลังในการสร้างอัตลักษณ์ ดึงดูดนักท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน หลายประเทศในเอเชียได้พิสูจน์แล้วว่า การพัฒนาย่านเก่าให้กลายเป็น "ย่านสร้างสรรค์" (Creative District) สามารถเปลี่ยนชุมชนที่ซบเซาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง นี่คือตัวอย่างพื้นที่ต่าง ๆ ที่น่าสนใจ
"ไต้หวัน" เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นในการใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือซอฟต์พาวเวอร์ สำหรับไต้หวัน การท่องเที่ยวเป็นมากกว่าอุตสาหกรรม แต่เหมือนเป็นสินทรัพย์สำคัญของประเทศที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ระดับโลก เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และตอกย้ำอัตลักษณ์ในฐานะสังคมเสรีและประชาธิปไตยที่แตกต่างจากจีน ท้องถิ่นไต้หวันได้ลงทุนอย่างหนักในการบูรณะอาคารประวัติศาสตร์และพัฒนาถนนเก่า เช่น "ถนนเก่าต้าซี" (Daxi Old Street) ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดของเถาหยวน ดึงดูดนักเดินทางในวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยถนนเก่าที่สวยงาม ด้วยวัฒนธรรมฮากกาดั้งเดิม
โครงการ "Taipei Street Corners" ที่ดำเนินการมากว่า 10 ปี ได้รับรางวัล Good Design Award ในปี 2018 โดยใช้แนวทางซอฟต์พาวเวอร์ในการเข้าไปปรับปรุงถนนและพื้นที่สาธารณะ โครงการนี้มุ่งเน้นให้ประชาชนค้นพบความงามของตรอกซอยและรายละเอียดในชีวิตประจำวันที่ถูกมองข้าม
"ญี่ปุ่น" เป็นประเทศที่ใช้ซอฟต์พาวเวอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อนิเมะ มังงะ เจป็อป ภาพยนตร์ วิดีโอเกม อาหาร และแง่มุมทางวัฒนธรรมอื่น ๆ ได้สร้างซอฟต์พาวเวอร์ ที่ดึงดูดแฟน ๆ และนักท่องเที่ยวหลายล้านคนจากทั่วโลก
ย่านประวัติศาสตร์ในญี่ปุ่น เช่น กิออน ในเกียวโต และฮิงาชิชายะในคานาซาวะ เป็นตัวอย่างของการรักษาอัตลักษณ์ท้องถิ่นควบคู่ไปกับการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ส่วนในประเทศไทย "ย่านเจริญกรุง" กรุงเทพมหานคร เป็นถนนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่าร้อยปี เป็นย่านที่มีต้นทุนทางวัฒนธรรมสูง ที่ผ่านมา มีการปลุกเมืองด้วยศิลปะ ดีไซน์ และธุรกิจสร้างสรรค์ ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวใหม่ ๆ ขึ้นมากมาย
การเข้ามาของศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ที่อาคารไปรษณีย์กลาง และการพัฒนาเป็นสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ได้ทำให้เจริญกรุงกลายเป็นพื้นที่ทดลองสำหรับ Bangkok Design Week ซึ่งก่อให้เกิดการขุดค้นความสร้างสรรค์ที่ซ่อนอยู่ในย่านประวัติศาสตร์
ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ร้านค้าที่ปิดตัวนานถูกแปลงเป็นร้านกาแฟ แกลเลอรี และพื้นที่สร้างสรรค์ ตรอกซอยที่เคยเงียบเหงากลับคึกคักด้วยกิจกรรมเทศกาลศิลปะ สตรีทอาร์ตที่เล่าเรื่องราวทางวัฒนธรรมของชุมชน ทำให้คนรุ่นใหม่สามารถมองเห็นย่านในมุมใหม่
2. 'ย่านสร้างสรรค์' คลื่นระลอกใหม่ของการท่องเที่ยวไทย
"ย่านสร้างสรรค์" (Creative District) คือพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์และระบบนิเวศสร้างสรรค์เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของพื้นที่นั้น ๆ ถือเป็นโมเดลสำหรับปลุกเมืองเก่าซึ่งใช้กันทั่วโลก
เครือข่ายย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ประเทศไทย (Thailand Creative District Network: TCDN) ภายใต้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) เป็นช่องทางสนับสนุนให้ตัวแทนพื้นที่จากทุกจังหวัดที่มีความพร้อมและต้องการพัฒนาย่านของตน ได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเมืองทุกภาคส่วน ในปี พ.ศ. 2563 มีการสร้างย่านสร้างสรรค์แล้ว 27 แห่ง และปัจจุบันมีสมาชิกเครือข่ายมากกว่า 30 พื้นที่ใน 33 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงพะเยา (ย่านระเบียงกว๊าน)
การพัฒนาย่านสร้างสรรค์ต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะคนที่เป็นเจ้าของย่านตัวจริงคือคนในพื้นที่ คนในชุมชนที่จะต้องพัฒนาบ้านของตนเองโดยร่วมมือกับภาคเอกชน
3. "พะเยา" เมืองเล็กแห่งล้านนาที่ซ่อนเสน่ห์
"พะเยา" เป็นจังหวัดในภาคเหนือ บริเวณที่ตั้งของตัวเมืองพะเยาในปัจจุบันอยู่ติดกับกว๊านพะเยา เดิมเป็นที่ตั้งของเมืองภูกามยาวหรือพะยาว ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 16 โดยกษัตริย์องค์แรกคือพญาจอมธรรม ซึ่งเป็นราชบุตรองค์หนึ่งจากเมืองหิรัญนครเงินยางเชียงแสน พญางำเมืองเป็นกษัตริย์ที่ทำให้พะเยาเจริญรุ่งเรืองสูงสุด โดยได้กระทำสัตย์สาบานเป็นไมตรีต่อกันกับพญามังรายแห่งนครพิงค์เชียงใหม่ และพญาร่วงรามคำแหงแห่งสุโขทัย ในปี พ.ศ. 2386 รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดให้เจ้าหลวงวงศ์นำชาวเมืองพะเยามาจากเมืองลำปางแล้วฟื้นฟูเมืองพะเยาขึ้นมาใหม่ และเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2520 อำเภอพะเยาได้ยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดพะเยา นับเป็นจังหวัดที่ 72 ของประเทศไทย
"ตรอกราชบุตร ถนนราชวงศ์" จังหวะใหม่พื้นที่สร้างสรรค์เมืองพะเยา
ในจังหวัดเล็ก ๆ แห่งนี้ที่ถูกโอบล้อมโดยธรรมชาติ มีกว๊านพะเยาเป็นบึงน้ำจืดที่หล่อเลี้ยงผู้คนทั้งจังหวัด มีตรอกและถนนเส้นหนึ่งที่ซ่อน "ซอฟต์พาวเวอร์" ไว้อย่างเงียบ ๆ นั่นคือ "ตรอกราชบุตร ถนนราชวงศ์" ตั้งอยู่ในตำบลเวียง อำเภอเมืองพะเยา พื้นที่นี้ดูธรรมดาและเรียบง่าย หากมองผิวเผินอาจเข้าใจว่าเป็นเพียงย่านเล็ก ๆ ที่มีอะไรทั่วไป แต่หากสังเกตให้ดี จะพบว่ามี "ทุนทางวัฒนธรรม" ซ่อนอยู่มากมาย พร้อมที่จะถูกปลุกให้เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ตรอกราชบุตรมีเสน่ห์ดั้งเดิมจากร้านอาหารที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาหลายชั่วคน ไม่ว่าจะเป็น ร้านโจ๊กบุญชู ที่เปิดรับนักเรียนและชาวบ้านในยามเช้า ร้านขนมจีนน้ำเงี้ยวของป้า ๆ ที่ยังคงรักษารสชาติดั้งเดิม ร้านข้าวคลุกกะปิป้าแต๋วที่เมนูง่าย ๆ แต่เต็มรสชาติ และร้านข้าวต้มราชวงศ์ ร้านเก่าแก่ที่ยังคงเปิดให้บริการมื้อเย็นมาจนถึงปัจจุบัน ร้านอาหารเหล่านี้คือ "อาหาร" ในฐานะซอฟต์พาวเวอร์ที่แท้จริง เพราะไม่ใช่แค่เมนู แต่คือเรื่องราว ความทรงจำ และความผูกพันของชุมชนที่ถูกส่งต่อข้ามรุ่น
นอกจากร้านอาหารแล้ว ย่านนี้ยังมีศาสนสถานที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับผู้คน และมี "สถานรับเลี้ยงเด็กบัวเนียม" ที่อยู่ในความทรงจำของเด็กหลาย ๆ รุ่นที่เติบโตขึ้นมา เป็นจุดเริ่มต้นที่พ่อแม่หลายครอบครัวฝากลูกหลานไว้ในยามทำงาน สิ่งเหล่านี้คือ "ทุนทางสังคม" ที่ไม่อาจสร้างขึ้นใหม่ได้ และเป็นรากฐานสำคัญของซอฟต์พาวเวอร์ที่แท้จริง
ในโลกที่เปลี่ยนแปลง คนรุ่นใหม่คือผู้นำ "จังหวะใหม่" เข้ามาในพื้นที่วิถีเดิม ตรอกราชบุตรได้เห็นพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง มี Street Art ที่เล่าเรื่องราวของชุมชนบนผนัง ตลาดคนรักต้นไม้ที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วจังหวัด นิทรรศการในร้านกาแฟที่เปลี่ยนพื้นที่ธรรมดาให้เป็นแกลเลอรีศิลปะ รวมถึงคาเฟ่และพื้นที่สร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่เติมความคึกคักให้ย่าน สิ่งที่เกิดขึ้นนับเป็น "จังหวะใหม่" ที่ผู้คนหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน นักสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ เครือข่ายชุมชน และหน่วยงานในพื้นที่ เริ่มมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดศักยภาพของย่านให้ก้าวหน้าไปได้ไกลยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกลุ่มผู้ประกอบการและนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่บริบทของพื้นที่เดิมที่มีวิถีชีวิตมาก่อนนั้น เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ หากนโยบายรัฐไม่ใส่ใจผู้คนในชุมชนที่อยู่ในวิถีเดิม การพัฒนาอาจกลายเป็นการผลักดันที่ผิดทิศทาง คำถามสำคัญที่ต้องหาคำตอบคือ หากสิ่งเหล่านี้จะเป็นกระแสใหญ่ตามจังหวัดใหญ่อย่างเชียงใหม่หรือสงขลา แล้วย่านเล็ก ๆ ในพะเยาจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร? สิ่งที่เกิดขึ้นจะช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ของผู้คนได้จริงหรือ? ภาครัฐจะเข้ามาสนใจย่านเล็ก ๆ เหล่านี้หรือไม่? และที่สำคัญคือ เศรษฐกิจในย่านจะมั่นคง ค่าแรงและค่าตอบแทนของนักสร้างสรรค์จะยั่งยืนจริงหรือไม่?
เสียงจากผู้ประกอบการในพื้นที่
หนึ่งในผู้ขับเคลื่อนย่านสร้างสรรค์บนถนนราชวงศ์คือ ‘บงกช กาญจนรัตนากร’ เจ้าของร้านนิทานบ้านต้นไม้ เธอเล่าว่าถนนราชวงศ์เป็นย่านที่อยู่อาศัยไม่ไกลจากกว๊านพะเยา และมีกิจการหลายแห่งที่เป็นตำนานของจังหวัด เช่น โรงเรียนบัวเนียม และร้านน้ำเงี้ยว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถนนเส้นนี้ได้ถูกผลักดันให้กลายเป็นย่านสร้างสรรค์มากขึ้น จากการร่วมกันขับเคลื่อนโดยสมาชิกคนรุ่นใหม่ในชุมชน หน่วยงานท้องถิ่น ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และมหาวิทยาลัยพะเยา ตัวอย่างกิจกรรมสร้างสรรค์ในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ กาดต้นไม้ งาน Phayao Walk & Wonder และการประกวด Street Art
บงกชเล่าถึงจุดเริ่มต้นของร้านว่า เริ่มแรกอยากมีพื้นที่ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์จากครัวเรือน ต่อมาจึงขยายเป้าหมายสู่การสร้างคอมมูนิตี้ที่เชื่อมโยงผู้คนที่มีความหลากหลายในชุมชน และสะท้อนคุณค่าของคนและสิ่งที่มีในชุมชน
เมื่อถามถึงความคาดหวังต่อการพัฒนาย่าน เธอบอกว่าอยากให้เป็นย่านที่เหมาะกับการเดิน (Walkable Street) เป็นพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเชื่อมโยงผู้คนเข้ากับธรรมชาติและวัฒนธรรม มีงานอีเวนต์สร้างสรรค์เป็นครั้งคราวเพื่อสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับย่าน แต่ก็ต้องพัฒนาไปอย่างมีสมดุล ไม่อยากให้วุ่นวายเกินไป
สำหรับสิ่งที่ต้องการให้ท้องถิ่นและภาครัฐสนับสนุน ได้แก่ กองทุนขนาดเล็กเพื่อพัฒนากิจกรรมประจำย่าน การจัดทำแผนที่ชุมชน การปรับปรุงภูมิทัศน์ในภาพรวมให้สวยงามและมีอัตลักษณ์ รวมถึงมีไฟส่องสว่างที่เพียงพอ และช่วยประชาสัมพันธ์สิ่งที่น่าสนใจในย่าน
นอกจากนี้ จากบทความของ Urban Creature ที่เผยแพร่เมื่อเดือนสิงหาคม 2568 ยังได้นำเสนอเสียงจากผู้ประกอบการและนักสร้างสรรค์คนอื่น ๆ ในตัวเมืองพะเยาและตรอกราชวงศ์ ซึ่งล้วนสะท้อนภาพของคนรุ่นใหม่ที่เลือกกลับบ้านเกิดมาสร้างความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของร้านสเต๊กที่ร่วมจัดตลาดต้นไม้จนกลายเป็นมหกรรมระดับเมือง เจ้าของโรงแรมในอาคารเก่าอายุกว่าร้อยปีที่เปิดพื้นที่สำหรับกิจกรรมสร้างสรรค์ เจ้าของคาเฟ่ในอาคารอนุรักษ์ที่มองว่าย่านริมกว๊านคือศูนย์กลางชีพจรของเมือง อาจารย์มหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งแกลเลอรีและพื้นที่ศิลปะเพื่อให้นักศึกษาและศิลปินมีที่แสดงผลงาน รวมถึงกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ที่รวมตัวกันสร้างพื้นที่ศิลปะและเวิร์กช็อปสำหรับชุมชน
เสียงเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้พะเยาจะเป็นเมืองเล็ก แต่ก็มีคนที่มีทักษะและความถนัดหลากหลาย หากเมืองมีกลไกในการเชื่อมคนเหล่านี้เข้าด้วยกัน สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเมืองได้ และอาจเป็นโอกาสที่ดึงดูดให้คนรุ่นใหม่เลือกกลับมาใช้ชีวิตและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในบ้านเกิด
ความสมดุลระหว่าง "รากเหง้าเดิม" กับ "จังหวะใหม่"
การพัฒนา "เมืองสร้างสรรค์" ให้ประสบผลสำเร็จ ต้องเริ่มจากพื้นที่เล็ก ๆ อย่างหมู่บ้าน ชุมชน ไปจนถึงระดับย่านเสียก่อน เพราะไม่มีใครสามารถสร้างซอฟต์พาวเวอร์ขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้ ซอฟต์พาวเวอร์ที่แท้จริงต้องเติบโตจากรากของวัฒนธรรมที่มีอยู่แล้ว การเกิดขึ้นของย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้เพียงทำให้เรามีย่านที่สนุกน่าเดินเพิ่มขึ้น แต่คนในย่านจะมีที่ "น่าอยู่" ซึ่งทำให้พวกเขาไม่ย้ายหนีไปไหนและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปอย่างยั่งยืน นักลงทุนจะมีพื้นที่ "น่าลงทุน" และนักท่องเที่ยวก็จะมีที่ "น่าเที่ยว"
ตรอกราชบุตร ถนนราชวงศ์ อาจเป็นเพียงตรอกเล็ก ๆ ในจังหวัดเล็ก ๆ แต่มันคือภาพสะท้อนของ "จังหวะใหม่" ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วประเทศไทย เป็นพื้นที่ที่ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์กำลังหลอมรวมกันเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากเราสามารถหาสมดุลระหว่าง "รากเดิม" กับ "จังหวะใหม่" ได้อย่างลงตัว ย่านเล็ก ๆ เหล่านี้จะไม่เพียงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ แต่จะเป็น "บ้าน" ที่น่าอยู่สำหรับทุกคน และเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง ดังแนวคิดที่ว่า อัตลักษณ์ในชุมชนเหล่านี้จะช่วยสร้างเศรษฐกิจให้ชุมชนมีความเข้มแข็งขึ้น ผู้สูงอายุสามารถส่งต่อองค์ความรู้ให้แก่คนรุ่นใหม่อย่างไร้รอยต่อ





